น้านิด

บอร์ด ความรัก,น้านิด ประสบการณ์ช.. เนื้อหาโดย อักษราลัยการเขียนถึงบุคคลอื่นของพวงชมพู ไม่ได้มีเจตนาร้าย หากแต่อยากให้ทุกเรื่องราวที่เขียนถึงเป็นประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง เพียงให้อยากรู้ว่ากว่าจะมาเป็น “พวงชมพู” ในวันนี้ เธอผ่านคน ผ่านเรื่องราวมามายมาย และเราเห็นพ้องต้องกันว่าทุกเรื่องราวนั้นสามารถเป็นข้อคิดเตือนใจ หรือเป็นกระจกส่องให้ผู้อ่านได้รับรู้เรื่องราวจากชีวิตของเธอ และฉันเชื่อว่าทุกเรื่องราวนั้นล้วนน่าค้นหา... อักษราลัย ...น้านิด              “เข้าไปส่องเฟสนิลลดาสิ”            เสียงกระซิบจากสายลมแผ่วเบาแว่วมาในหัวของฉัน             “ทำไมต้องเข้าไปส่องด้วยล่ะ ไม่ได้ติดต่อกันหลายปีแล้วนี่ ไม่ได้สนใจใคร่รู้เรื่องของหล่อนซะหน่อย ไม่ใช่คนสำคัญ”             ฉันเถียงออกไปในใจอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน แค่ชื่อยังไม่อยากได้ยินเลย นี่จะให้ไปส่องเห็นหน้า ไม่มีวันซะล่ะ            นิลลดาเป็นลูกสาวคนที่สองของน้านิดน้องสาวของแม่ฉัน แม่ลูกคู่นี้คือโจทก์เก่าค้างปีของฉันเลย แม่ของหล่อนอ่อนกว่าแม่ฉันแค่ปีเดียว ส่วนหล่อนอ่อนกว่าฉันประมาณสี่ห้าปีเห็นจะได้ ทั้งแม่และลูกทำตัวเป็นศัตรูคู่อาฆาตฉันมาตลอด ทั้ง ๆ ที่ฉันก็ไม่เคยไปทำอะไรให้ ฉันเลี้ยงลูกให้ด้วยซ้ำตั้งสามคน นิลลดาก็ได้รับการดูแลจากฉันตลอดมา ฉันเดาว่าคงเป็นด้วยจิตริษยามากกว่าอย่างอื่น            “ฉันน่ะเหรอ....ไม่เคยให้ราคาพวกหล่อนเลย ไม่เคยอยู่ในสายตา”            ในสายตาฉันพวกเขาเป็นคนจิตใจต่ำตม เลวทรามไม่สร้างสรรค์และเป็นลบแบบขีดสุด ไม่คุ้มค่าต่อการเสียเวลาด้วยไม่ว่ากรณีใดใด            ฉันพยายามสลัดเสียงในหัวออกไป สองสามวันถัดมาฉันก็ยอมยกธง เสียงนี้ไม่ยอมไปไหน มีแต่จะเข้มข้นขึ้นจนน่ารำคาญ            การได้ยินเสียงแบบนี้ หรือการมีความรู้สึกหน่วง ๆ ที่ช่องท้อง หรือมีหน้าใครหรืออะไรแว้บเข้ามาในหัว เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับฉัน หลายครั้งที่ฉันละเลย นั่นหมายถึงหายนะเลยล่ะ            ครั้งหนึ่งฉันกำลังจะเอาเงินไปมัดจำบ้าน ฉันจะซื้อบ้าน เงินมัดจำคือหนึ่งแสนบาท คืนนั้นฉันได้รับแรงกระตุ้นในใจว่า            “อย่าไปวางมัดจำนะ”            ตื่นเช้ามาฉันไม่สบายใจไปเล่าให้น้าชายฟัง น้าชายหัวเราะบอกว่าไร้สาระ แล้วเราก็ไปวางมัดจำกัน ไม่นานก็รู้ว่าถูกโกง            ตั้งแต่นั้นมาเวลามีอะไรทำนองนี้เกิดขึ้น ฉันจึงใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะมันหมายถึงสวัสดิภาพในชีวิตและทรัพย์สินของฉัน  ฉันพิสูจน์แล้วหลายครั้ง ฉันจึงไม่เคยล้อเล่นกับมันเลยอีกเลย ฉันเข้าใจว่ามันเป็นสัญญาณจากเบื้องบนเพื่อนำทางฉัน มันแผ่วเบามาก มากเสียจนเราอาจพลาดไปได้ง่าย ๆ แต่ครั้งนี้มันมาแรงและตื้อฉันไม่หยุดหย่อน            “ส่องก็ส่องวะ มันจะอะไรกันนักกันหนาเนี่ย”            “สิ้นแล้วแม่วรรณ ผู้หญิงแห่งพระพร......”            “โอ้....น้านิดตายแล้วหรือนี่”             น้านิด มีชื่อจริงที่คุณตาตั้งให้ว่า “คมนิด แต่ใคร ๆ ก็บอกหล่อนว่าชื่อหล่อนไม่เป็นมงคล มีคำว่า “คม” ที่ไปคอยบาดคนอื่น หล่อนเลยเปลี่ยนเป็น “วรรณพร” อันมีความหมายว่า “ผู้หญิงที่เป็นพระพร” หลังจากการเปลี่ยนชื่อ ฉันก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง หล่อนก็ยังคงทำหน้าที่ “บาด” คนอื่นด้วย “คมปาก” ของหล่อนอยู่นั่นเอง และที่ร้ายที่สุดคือฉันโดนบาดมากกว่าใคร เพราะอยู่ใกล้และเป็นที่จงเกลียดจงชัง            ด้วยอายุอานามของหล่อนซึ่งอ่อนกว่าแม่ฉันแค่ปีเดียว หล่อนสามารถเป็นแม่ฉันได้ แต่หล่อนวางตัวเป็นศัตรูคู่แข่งกับฉันทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องของหัวใจก็ไม่เว้น            ตอนที่ฉันออกเดทกับสัสดีอำเภอนั้น เวลาสัสดีมาบ้าน หล่อนจะกุลีกุจอหาน้ำหาท่ามาต้อนรับ หุงหาอาหาร ทำกับข้าวไปส่งถึงอำเภอบ่อย ๆ จนใคร ๆ เข้าใจผิดว่าหล่อนเป็นแฟนไม่ใช่ฉัน            ตอนที่ฉันออกเดทกับครูประถมศึกษาที่สอนในโรงเรียนของหมู่บ้านฉัน หล่อนก็ไปใส่ร้ายป้ายสีฉัน จนครูไม่มาหาฉันอีกเลย            ตอนที่ฉันออกเดทกับหนุ่มต่างชาติและพามาเยี่ยมบ้าน หล่อนก็แผลงฤทธิ์ไม่เบา บ้านของเราเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง มีห้องนอนสามห้อง มีห้องโถงและระเบียง ฉันกางมุ้งให้แฟนหนุ่มของฉันนอนอยู่ห้องโถง ฉันนอนในห้องนอนเล็ก ตอนเช้าแฟนหนุ่มมาบอกฉันว่า            “เมื่อคืนไอนอนไม่สบายเลย น้าของยูมานั่งเฝ้าไอในมุ้งทั้งคืนเลย ไอเลยไม่กล้าขยับตัว”            “โอ้...แม่เจ้า...แบบนี้ก็มีด้วย”            “ไม่ใช่แค่นั้นนะ ตอนเช้าไอทำมือทำไม้ว่าขอผ้าเช็ดตัว ว่าจะไปอาบน้ำ พอไอเปิดประตูห้องน้ำ น้าของยูรออยู่ในห้องน้ำแล้ว เนื้อตัวเปลือยเปล่า น้าของยูเป็นอะไรมากไหม”            “อืมมมมม ...คงเป็นมากอยู่ค่ะ”            น้านิดมีลูกสามคนสามนามสกุล สองในสามไม่เคยเห็นหน้าพ่อ ส่วนคนที่เห็นหน้าพ่อก็เพราะอยู่หมู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่ได้เลี้ยงดูหรือส่งเสียใดใด รู้ว่านี่คือพ่อแค่นั้น            ฉันยังจำได้ตอนที่อ่านจดหมายของน้านิดให้คุณตาฟัง พออ่านจบคุณตาถือผ้าขาวม้าวิ่งลงจากบ้านจะไปผูกคอตาย คุณยายและแม่ฉันวิ่งตามไป ร้องไห้ไป เป็นฉากที่บีบคั้นหัวใจฉันมาก เพราะฉันผูกพันกับตามาก แกไม่ควรต้องมาเจอเรื่องร้าย ๆ ไม่จบไม่สิ้นแบบนี้            “นิดมีลูกคนที่สามเป็นผู้หญิง อายุได้ขวบกว่าแล้ว จะเอาไปฝากให้พ่อกับแม่และพี่สาวเลี้ยงเหมือนเคย พ่อเขาเป็นทหารเกณฑ์ที่มารับใช้ที่บ้านนายพันที่นิดเป็นแม่บ้านอยู่ พ่อแม่เขาและตัวเขาไม่รับนิดเป็นลูกสะใภ้ เพราะนิดอายุมากกว่าลูกเขาหลายสิบปี วันที่เขาแต่งงานนิดอุ้มลูกไปทำลายงานแต่งเขาย่อยยับ เขากับเจ้าสาวขับรถหนี จนเกิดอุบัติเหตุตายทั้งคู่ นิดสมน้ำหน้าพวกมัน มันสมควรตาย”            ลูกของน้านิดสองคนก็ยังเล็กอยู่ และก็อยู่ในความดูแลของตายายและแม่ของฉัน ฉันเองก็เหนื่อยเพราะต้องช่วยเลี้ยงน้อง ๆ ตลอด...พออ่านจดหมายจบฉันก็เศร้าไม่แพ้คุณตา ที่มีที่เป็นอยู่เราก็ลำบากพออยู่แล้ว            น้านิดกลับมาบ้านพร้อมลูกสาวคนเล็ก คุณตายื่นคำขาดว่าต้องไปทำหมัน ถ้างั้นไม่เลี้ยงให้ น้านิดก็เลยต้องทำตาม คุณตาคิดว่าปัญหาคงจบสิ้นแล้ว แต่ ..            “บอกลูกสาวตาด้วยว่าอย่ามายุ่งกับผัวหนู”            เสียงผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนโหวกเหวกใส่คุณตา นี่มันเป็นรายที่เท่าไรแล้วนี่ ตั้งแต่ทำหมันมาน้านิดก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว            “หนุ่มโสดไร้ประสบการณ์ ไม่ถึงใจ หนุ่มมีลูกมีเมียเร้าใจกว่า” น้านิดป่าวประกาศเย้ยฟ้าท้าดินที่ศาลาประชาคมกลางหมู่บ้าน            ฉันต้องช่วยตายายและพ่อแม่เลี้ยงดูลูก ๆ ของน้านิดทั้งสามคนอย่างเหนื่อยยาก เหมือนฉันเป็นแม่คนหนึ่งเลย ลูกแต่ละคนของหล่อนก็ล้วนเป็นเด็กเลี้ยงยาก คนโตเป็นผู้ชายมีนิสัยนักเลงโต ไม่ยอมใคร หาเรื่องเขาไปทั่ว            “นี่จะรับผิดชอบยังไง ดิดดี้ไปชกหน้าลูกฉัน ฟันหลุดหลายซี่ หรือต้องไปคุยกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้านไหม”            เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นแทบจะรายวัน ฉันเองก็เคยวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนตอนที่ขัดใจเขา ไม่มีผู้ใหญ่อยู่บ้านตอนนั้น มันคว้าไม้หน้าสามวิ่งตามจะทุบฉัน รอดมาได้เพราะไปแอบอยู่ใต้ท้องรถสิบล้อ            ส่วนนิลลดาคนรองนี่ก็ขึ้นชื่อเรื่องการ “เป็นเด็กเลี้ยงแกะ” เรื่องไหนจริงเรื่องไหนเท็จแยกไม่ออกเลย ปั้นน้ำเป็นตัวเก่ง แม้จะดูเหมือนไม่มีพิษสงอะไรมากเหมือนพี่ชาย แต่ก็ทำปวดหัวได้น่าดู            คนเล็กน่ารักน่าเอ็นดูหน่อย ไม่มีวีรกรรมอะไรเหมือนพี่ ๆ แต่ก็ทำเอาฉันเหนื่อยแทบขาดใจเพราะอายุแค่ขวบกว่า แม่จำเป็นอย่างฉันละสายตาไปไหนไม่ได้เลย            น้อง ๆ ต้องได้กินอิ่มนอนอุ่น แทนที่หล่อนจะสำนึกรู้คุณฉัน ไม่มีเลยค่ะ หล่อนชอบเอาเรื่องของฉันไปกระจายให้ใคร ๆ รู้ ตอนที่ฉันเสียตัวให้สัสดีอำเภอและสุดท้ายโดนทิ้งนั้น หล่อนก็เป็นคนกระจายข่าวให้รู้ทั่วทุกคุ้ม            “มันอยากได้ผัวข้าราชการจนตัวสั่น สมน้ำหน้าโดนฟันแล้วทิ้ง น้ำตาเช็ดหัวเข่า อีคนบาปชอบไปยุ่งกับผัวชาวบ้าน”            เขามาหลอกฉันว่าเป็นม่าย ไม่มีพันธะใดใดแล้ว เขาเข้าหาพ่อแม่ฉันพูดเรื่องการแต่งงานแล้วด้วย และการคบหากันของเราก็อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอด เราคบกันนานเกือบปี ไม่ใช่วันสองวัน            เรื่องหนึ่งที่หล่อนดูจะภาคภูมิใจมากคือ หล่อนไม่ได้ทำแท้ง หล่อนไม่ได้ใจบาปเหมือนผู้หญิงหลายคนที่ทำแท้งเพื่อกำจัดมารหัวขน ฉันไม่ได้สนับสนุนการทำแท้งแต่อย่างใด ที่หล่อนไม่ทำน่ะดีแล้ว แต่จะดีกว่ามากถ้าจะมาเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ไม่ใช่โยนภาระมาให้คนอื่น ๆ ตัวเองไปสบายลั้นลา หรือจะดีที่สุดที่เมื่อรักสนุกก็ควรรู้จักการป้องกันหรือการคุมกำเนิด ฉันเดาว่าถ้าคุณตาไม่บังคับให้ไปทำหมัน ฉันคงได้เป็น “แม่จำเป็น” ให้ลูกหล่อนอีกหลายคน            งานอดิเรกที่หล่อนโปรดปรานรองลงมาจากการหลับนอนกับผัวชาวบ้านแล้วตีฆ้องร้องป่าวให้รู้ทั่วกันคือ การติฉินนินทาใครต่อใคร หล่อนดีที่สุด เก่งที่สุด ฉลาดที่สุด และสวยที่สุด            หล่อนจึงมีกระจกติดตัวตลอด นัยว่าเอาไว้ส่องให้ใครต่อใคร ยกเว้นตัวเอง          หากเป็นกระจกหกด้านส่องตัวเองบ้างก็คงดีไม่น้อยเลย